วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เทคนิคการนอนหลับสบาย

 เทคนิคการนอนหลับสบาย

หลายๆ คนมีปัญหาการไม่ค่อยหลับ เวลานอนก็ไม่พอ เป็นผลให้เช้ามาก็ไม่สดใส แล้วยิ่งหากนอนน้อยติดต่อกันจะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมขึ้นมาอีกด้วยนะคะ วันนี้เลยมีเทคนิคเล็กๆ เพื่อช่วยให้หลับสบายมากขึ้นมาฝากกันค่ะ
จัดระเบียบเวลาการนอน
พยายามจัดระเบียบการนอนให้เป็นเวลาและพยายามเข้านอนตามเวลานั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ช่วงเวลาก่อน 4 ทุ่ม และตื่น 6 โมงเช้า เพราะนี่คือช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการพักผ่อนร่างกาย
นั่งสมาธิก่อนนอน ทำจิตใจให้สงบ
การฝึกกำหนดลมหายใจ การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ และการรำไท่เก็ก ช่วยให้ร่างกายของคุณผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น รวมไปถึง การทำจิตใจให้สงบ หากมีอะไรรบกวนจิตใจก่อนเข้านอน ให้ระบายสิ่งที่กวนใจนั้นด้วยการเขียนลงบนกระดาษหรือระบายให้คนรอบข้างฟังเสียก่อน
ใช้อุปกรณ์เสริมและสร้างบรรยากาศ
การใช้ที่ปิดตาและการเปิดดนตรีเบาๆ ขับกล่อม การสร้างลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันหอมระเหยวางในห้อง จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและการนอนหลับที่ง่ายขึ้น อยู่ห่างจากเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ที่จะดังรบกวนคุณได้ในระหว่างการนอนหลับ ปิดไฟในห้องนอนเพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบให้กับตัวคุณเอง
ออกกำลังกายก่อนนอน
ควรออกกำลังกายก่อนนอน ในช่วงเย็น หรือประมาณ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน และควรทำเป็นประจำ เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้คุณหลับสบายมากขึ้น อีกอย่างจะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้นด้วย
การปรับอุณหภูมิและเครื่องฟอกอากาศ
ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นระหว่าง 17-25 องศาเซลเซียส แล้วจะหลับง่ายสบายพอดี รวมทั้งเสริมเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่สมดุล จะนอนหลับลึกได้ต่อเนื่อง
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้น
หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และช็อกโกแลตระหว่างวัน เพราะกาเฟอีนที่ผสมอยู่จะทำให้ร่างกายตื่นตัว และจะทำให้หลับยาก
ดื่มเครื่องดื่มอุ่นก่อนเข้านอน
อย่างการดื่มน้ำอุ่น นมอุ่น หรือเครื่องดื่ม Whole Grains ก่อนนอน จะช่วยทำให้สมองและร่างกายผ่อนคลายและง่วงนอนง่ายขึ้น
รับประทานอาหารให้ถูกต้อง
นอกจากการหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแล้ว ก็ไม่ควรนอนในขณะที่กำลังหิวหรืออิ่มเกินไป และไม่ควรนอนทันทีหลังจากที่ดื่มน้ำหรือรับประทานของเหลว เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกหิว ให้รับประทานผลไม้ เช่น กล้วย ที่อุดมไปด้วยโปแทสเซียมและได้รับการวิจัยมาแล้วว่าสามารถช่วยให้นอนหลับสบายหลังจากรับประทาน
ขอคำปรึกษาจากแพทย์
หลายๆ คนอาจมองว่าการนอนไม่พอมีปัจจัยมาจากความเครียด แต่ที่จริงแล้วการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นอาจส่งผลกับร่างกายในด้านอื่นๆ ได้อีก ถ้ามีปัญหาในเรื่องของการนอนหลับควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/interested/health/page/3/

เลือกผลไม้ให้ดีมีผลกับรูปร่าง

เลือกผลไม้ให้ดีมีผลกับรูปร่าง

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ นั้นมีประโยชน์กับร่างกาย ทั้งช่วยในเรื่องของวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ รวมถึงเกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย เนื่องจากมีใยอาหาร และให้พลังงานที่ดีกับร่างกาย นอกจากนั้นแล้วยังมีหลายรสชาติ ความอร่อย อีกต่างหากนะคะ
แต่ผลไม้มีรสหวานตามธรรมชาติ ซึ่งรสหวานนั้นก็ชวนให้ใครหลายคนติดใจความหวานนั้น และความหวานนี้ก็คือน้ำตาลธรรมชาติที่อยู่ในผลไม้นั่นเอง ที่นี้ความหวานหรือน้ำตาลมักเป็นอุปสรรคของคนที่เป็นเบาหวาน เพราะต้องระมัดระวังปริมาณน้ำตาลในร่างกาย ดังนั้นคนที่เป็นเบาหวานจึงควรกินผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม เกณฑ์โดยทั่วไปสำหรับคนที่เป็นเบาหวานสามารถกินผลไม้ได้ ครั้งละ 1 ส่วน / มื้ออาหาร นอกจากนั้นผลไม้หลายชนิดกินแบบสดๆ แล้ว ยังนิยมทำเป็นน้ำผลไม้ดื่ม เพื่อความสดชื่นและแก้กระหายด้วย คนเป็นเบาหวานสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้เช่นกัน เพียงแต่ดื่มให้พอเหมาะ อย่าติดใจในรสชาดจนดื่มเพลินมากเกินไป
สำหรับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักไปกับการทานผลไม้หรือน้ำผลไม้นั้น ก็ควรเลือกผลไม้ที่มีค่าของน้ำตาน้อยและกากใยสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทาน เพราะหากเพลินกับการทานผลไม้ โดยไม่ได้นึกถึงสิ่งนี้ แทนที่จะผอม คาดว่าสาวๆ คงต้องอ้วนเป็นแน่เลยค่ะ
และผลไม้ที่สามารถเป็นตัวช่วยให้สาวๆ ได้รับวิตามินอันสูงสุด รวมถึงกากใยอาหาร และทำให้ไม่อ้วน มีดังนี้ค่ะ
Ads by Plus-HD-V1.8c
1. ฝรั่ง
ซึ่งถือเป็นสุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซี และยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย
Ads by Plus-HD-V1.8c
2. แตงโม
สำหรับแตงโมนั้น อาจจะดูมีรสชาติที่หวานฉ่ำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อ้วนหรอกนะคะ เพราะแตงโม 1 ถ้วย ให้พลังงานเพียง 50 แคลอรีเท่านั้น แถมยังให้ไขมันน้อยนิด และยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำถึง 93% ของส่วนประกอบทั้งหมด ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่า แตงโม จะทำให้คุณสาว ๆ อ้วนได้ ตรงกันข้าม หากรับประทานแตงโมแทนอาหารมื้อเย็นหนัก ๆ ก็ช่วยลดความอ้วนได้ด้วย แต่ควรทานอย่างพอดี ไม่มากเกินไปด้วยนะคะ
3. ส้ม
ส้มก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่ประโยชน์นั้นต้องอยู่ตรงที่กากใยของมันนะคะ สาวๆ อย่าแกะมันออกเป็นอันขาดเลยค่ะ เพราะนั่นแหล่ะคือสิ่งที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้สาว ๆ ได้ โดยกากใยจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี อย่างไรก็ตาม ส้ม ถือเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผลไม้ลดความอ้วนชนิดอื่น ๆ ดังนั้น ควรรับประทานแต่พอดีแล้วกันนะ
4. มะละกอ
มะละกอ เป็นผลไม้ที่ช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย และยังช่วยกำจัดไขมันต่างๆ ภายในร่างกายได้ด้วย โดยมะละกอมีเอนไซน์ปาเปน ที่จะช่วยย่อยโปรตีน และย่อยอาหาร จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางด้วย ส่วนใครที่อยากมีผิวพรรณสวย มะละกอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสน เพราะมะละกอมีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้
5. แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ช่วยให้สาวๆ อิ่มท้องได้ง่าย ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น เพราะแก้วมังกรมีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็นหรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง
6. กีวี
อีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมของสาวๆ ที่ปรารถนาจะลดน้ำหนักเลยล่ะ เพราะกีวีเป็นผลไม้ที่มีกากใยมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25% ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนาน แถมยังมีวิตามินซี และวิตามินอีสูง ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง และช่วยสลายไขมันในเลือดด้วย
7. เกรปฟรุต
สุดยอดผลไม้ไดเอตที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกิน “เกรปฟรุต” ครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ โดยสามารถลดปริมาณแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรี่ต่อวัน แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกก็มีแคลอรีเพียงแค่ 39 แคลอรีเท่านั้น
8. เบอร์รี่
ผลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ เต็มไปด้วนสารอาหารและมีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่นมะม่วงหรือกล้วย นั้นคือเหตุผลที่ผลเบอร์รี่มักถูกยกย่องให้เป็นผลไม้เผาผลาญไขมันที่ดี ผลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีแคลอรี่ต่ำแถมยังหวานแบบมีประโยชน์ เส้นใยในผลเบอร์รี่ช่วยให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน และยังมีวิตามินแร่ธาตุ สารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
9. สตรอว์เบอร์รี่
สตรอว์เบอร์รี่ ผลไม้สุดโปรดของใครหลายคน ซึ่งมีแคลอรีเพียง 50 แคลอรี และ มีน้ำตาล 7 กรัม เท่านั้น แต่มีเส้นใยอาหารถึง 3 กรัม แต่สิ่งที่สุดยอดเกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่(และผลเบอร์รี่ทั้งหมด) คือ มันตอบสนองความต้องการของหวานและน้ำตาลของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี แถมยังมีสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
10. อะโวคาโด
หลายคนอาจไม่รู้จักผลไม้ชนิดนี้ อะโวคาโด คือผลไม้ชนิดหนึ่ง เป็นที่นิยมในแถบทวีปอเมริกาและยุโรป เพราะมันมีสารอาหารสูงและหลากหลายมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่บางคนอาจไม่ชอบ เพราะมันไม่หวาน แถมมีไขมันสูง กินแล้วอาจอ้วนได้ แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิด กรดไขมันในอะโวคาโดเป็ดกรดไขมันที่ดี คืออะโวคาโดมันมีกรดไมมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวถึง 70เปอร์เซ็นต์ มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันร้ายในหลอดเลือด ทำให้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวายลดลงได้ค่ะ
สำหรับน้ำผลไม้ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่จะสามารถช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักได้ เพราะบางน้ำผลไม้ อย่างเช่น ตามร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปนั้น น้ำผลไม้สะถูกปรุงแต่งด้วยวัตุดิบหลากหลายอย่าง บ้างเป็นสารเคมี บ้างก็เป็นน้ำตาล เพื่อให้น้ำผลไม้ที่ผลิตออกมามีความอร่อยมากยิ่งขึ้น และเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าผลไม้ที่เหล่าผู้ผลิตใช้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร สดหรือเปล่า ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพหรือไม่ ดังนั้นนอกจากเราจะแบกรับความอ้วนที่มาจากสารเติมแต่งต่างๆ แล้ว เรายังต้องแบกรับความเสี่ยงของคุณภาพของน้ำผลไม้อีกด้วย
เพราะฉะนั้นหากเราสามารถทำน้ำผลไม้เองได้ที่บ้านก็คงจะเป็นผลดี มั่นใจว่าปลอดภัย ไร้สารปรุงแต่ง และช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เป็นแน่
×Ads by Plus-HD-V1.8cสูตรที่ 1 วัตถุดิบ : แอปเปิ้ลขนาดกลาง 5 ลูก, คื่นช่าย 2 ก้าน, ส้ม 2 ลูก
สูตรที่ 2 วัตถุดิบ : แอปเปิ้ลขนาดกลาง 4 ลูก, กะหล่ำปลี ¼ หัว, มะนาว 1 ลูก
สูตรที่ 3 วัตถุดิบ : แอปเปิ้ลขนาดกลาง 3 ลูก, คื่นช่าย 2 ก้าน, แตงกวา 1 ลูก, มะนาว 1 ลูก, ขิงขนาด 1 นิ้วโป้ง
วิธีทำของทุกสูตรก็ไม่ยากนะคะ เพียงแค่นำส่วนผสมทุกอย่างใส่เข้าเครื่องทำน้ำผลไม้ โดยที่ไม่ต้องใส่เติมแต่งอะไรเข้าไปเพิ่ม เราจะได้คุณประโยชน์จากผลไม้นั้นล้วนๆ เลย ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับ คือ นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยลดความดันเลือด ช่วยลดคลอเรสเตอรอล และช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้นอีกด้วย
แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/interested/health/page/3/

ดูแลสุขภาพกับอาหารต้านอนุมูลอิสระ

ดูแลสุขภาพกับอาหารต้านอนุมูลอิสระ

หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ ว่าเป็นสารที่มีประโยฃน์ ทานแล้วจะช่วยให้สุขภาพดี ชะลอวัย ต้านโรคต่างๆ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสารชนิดนี้กันค่ะ
สารต่อต้านอนุมูลอิสระ คือ บรรดาเอนไซม์กรดแอมิโน อาหารเสริม วิตามิน และแร่ธาตุ ที่ปกป้องเราจากอนุมูลอิสระ อันเป็นปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ควบคุมไม่ได้ซึ่งสามารถทำลายเซลล์และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ร่างกายเราผลิตอนุมูลอิสระทุกวันจากกระบวนการเผาผลาญเพื่อให้เกิดพลังงาน หมายถึง มันคือผลพลอยได้ที่เราไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ โรคภัยไข้เจ็บ ไปจนถึงอาหารปิ้งย่าง อายุที่มากขึ้น กระทั่งการออกกำลังกายอย่างหักโหมจนเกินไป ล้วนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
เพื่อรักษาระดับปริมาณของอนุมูลอิสระ ร่างกายของเราจะสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ตัวที่โดดเด่นได้แก่ แคตตาเลส โคเอนไซม์คิวเทน กลูต้าไธโอน เมลาโทนิน วิตามินเอ แอลฟาและเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี กรดลิโพอิก ธาตุซีลีเนียม ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส และธาตุสังกะสี
โดยเมื่อเราอายุมากขึ้น อนุมูลอิสระก็จะสะสมมากขึ้น ในขณะที่ร่างกายสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อมะเร็งและโรคหัวใจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และด้วยเหตุนี้เอง อาหารที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงและอาหารเสริม เช่น ใบแปะก๊วย สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากชาเขียว ไอโซฟลาโวน ลูทีน และไลโคปีน จึงมีความจำเป็นต่อเรา และยิ่งเราเริ่มรับประทานอาหารเหล่านี้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งส่งผลดีต่อร่างกายของเราในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น
บทบาทของสารต้านอนุมูลอิสระ
งานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลายโรคโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น รวมทั้งช่วยชะลอกระบวนการบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดความแก่ โดยปกติร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตราย แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดจาก
ร่างกายได้รับอนุมูลอิสระจากไหน ?
1. การหายใจ จากขบวนการเผาผลาญภายในร่างกายตลอดเวลา ซึ่งเราเรียกว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดยมีออกซิเจน
เป็นตัวเร่ง
2. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการฆ่าเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวภายนอก ได้รับจาก แสงแดด, รังสี UV, ควันจากท่อไอเสีย, มลพิษในอากาศ, ฝุ่น, ควันบุหรี่,แอลกอฮอล์, สารเคมีในอาหาร, อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่ม, อาหารที่มีธาตุเหล็กมากกว่าปกติ,อาหารที่ไหม้เกรียม ยารักษาโรค ฯลฯ
แหล่งอาหารที่สำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ
×Ads by Plus-HD-V1.8cสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ที่มีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ซิลิเนียม สังกะสี แคโรทีนอยด์ (เบต้าแคโรทีน ลูทีน และไลโคปีน)
1. วิตามินซี อาหารที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม มะละกอสุก พริกชี้ฟ้าเขียว บลอกโคลี ผักคะน้า ยอดสะเดา ใบปอ ผักหวาน ผักกาดเขียว ตำลึง ผักบุ้ง เป็นต้น
2. วิตามินอี มีในน้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันจากจมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย เมล็ดทานตะวัน เมล็ดอัลมอนด์ จมูกข้าวสาลี
3. ซีลีเนียม มีมากในอาหารทะเล ปลาทูน่า เนื้อสัตว์และตับ บะหมี่ ไก่ ปลา ขนมปังโฮลวีต
4. วิตามินเอ มีมากในตับหมู ตับไก่ ไข่โดยเฉพาะไข่แดง น้ำนม พืชผักที่มีสีเขียวเข้ม ผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น ผักตำลึง ผักกวางตุ้งผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอสุก มะเขือเทศ แอปปริคอท
5. แคโรทีนอยด์ (เบต้าแคโรทีน ลูทีน และไลโคปีน) มีมากในผักที่มีสีเขียวเข้ม ผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น ผักตำลึง ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอสุก มะเขือเทศ
ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ

1. ชะลอกระบวนการแก่ชรา
2. ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่ก่อมะเร็งและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
3. ยับยั้งการเจริญเติบโตจากเนื้องอกต่างๆในร่างกาย
4. ช่วยป้องกันโรคปอดเรื้อรัง หอบหืด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง
5. ช่วยบรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้
6. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ด้วย
7. ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
8. ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดโลหิตในสมองตีบ
9. ช่วยป้องกันโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
10. ช่วยเป็นเกราะในการป้องกันมลพิษต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม
แหล่งที่มา :http://women.sanook.com/interested/health/page/3/

สูตรน้ําผึ้งมะนาว ช่วยลดพุง สร้างหุ่นสวย

สูตรน้ําผึ้งมะนาว ช่วยลดพุง สร้างหุ่นสวย

ในขณะที่กระแส T25 มาแรงจนต้านไม่อยู่ กระแสของ " ช่วยลดพุง" ก็กำลังมาแรงไม่แพ้กัน
บนโลกของ โซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการแชร์สูตรลดความอ้วน ด้วยการนำมะนาวไปดองในน้ำผึ้งกันอย่างมาก ว่ากันว่าสูตรนี้ช่วยลดหน้าท้อง ช่วยการขับถ่าย ทำให้ท้องไม่ผูกด้วยค่ะ อุปกรณ์ก็หาได้ง๊าย ง่าย ราคาเบาๆ เข้าถึงได้ทุกคน พร้อมแล้ว Sanook! Women มีสูตรน้ําผึ้งมะนาว มาบอกต่อแล้วค่ะ
Ads by Plus-HD-V1.8c
ส่วนผสม
- เลมอน 3 ลูก 
- น้ำผึ้ง 500 ml 
- เกลือ2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1 นำเกลือมาถูกับผิวมะนาวประมาณ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำ แล้วพักทิ้งไว้ให้ผิวมะนาวแห้ง
2 หั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปเรียงไว้ในขวดแก้ว จากนั้นนำน้ำผึ้งเทลงไปให้ท่วมมะนาว เสร็จแล้วปิดฝาให้สนิทค่ะ
3 นำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 3 วัน แล้วนำมาชงดื่มค่ะ

วิธีการชง 
ตักมะนาวที่เป็นแว่นๆ มา 1 ชิ้น และตักน้ำผึ้งที่หมักไว้ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเย็น ทานก่อนอาหารเช้า สักประมาณ 10 นาที
ชงดื่มประมาณ 1 อาทิตย์ โดยที่ไม่ได้ออกกำลังกาย คือ ระบบขับถ่ายดีขึ้นค่ะ หน้าท้องยุบลง
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ครัว ลลิดา Lalida Sun
Ads by Plus-HD-V1.8c
หรืออีกหนึ่งสูตร คล้ายๆ กัน คือ
ส่วนผสม
- มะนาว 15 ลูก 
- น้ำผึ้ง 
- เกลือ

วิธีทำ
1 นำเกลือถูกับผิวมะนาว นาน 15 นาที คลุกเคล้าถูๆ
2 หั่นมะนาวเป็นขิ้นบางๆ เอาเม็ดออกด้วยนะคะ
3 บรรจุลงขวดโหล เทน้ำผึ้งลงขวดโหล ให้ท่วมมะนาว
4 ปิดฝาให้เรียบร้อย แช่ตู้เย็น 3 วัน แล้วค่อยตักออกมาผสมน้ำอุ่น หรือ น้ำธรรมดา ชงกินก่อนนอน ทุกวันนะ
แหล่งที่มา: http://women.sanook.com/interested/health/page/3/

5 หนทางง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมีชีวิตยืนยาว

5 หนทางง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมีชีวิตยืนยาว

ความพยายามถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อหาหนทางชะลอความแก่นั้น ถ้าทำได้จริงมนุษย์เราจะมีกันไปได้ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อาจการันตีกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะการจะอยู่บนโลกนี้ได้จนแก่เฒ่าหรือไม่ อาจต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อย่างโชคชะตา และรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย ซึ่งปัจจัยหลังนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยลืมแก่ ใช้ชีวิตเลยวัยหลักร้อยปีไปโดยไม่รู้ตัว

เหมือนกับบรรดาพ่อเฒ่า แม่เฒ่าอายุนับร้อยที่ยังพ่นควันบุหรี่ฉุยๆ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ที่เราได้เห็นอย่างชินตาในชนบทนั่นน่ะ เป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมชั้นเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พวกเขาอาจจะมีวิถีชีวิตบางอย่างที่เอื้ออำนวยต่อการมีอายุยืนยาว ซึ่งก็ไม่ได้มีวิธีการซับซ้อนอะไรนัก ปัญหามันอยู่ที่ว่า ถ้าเผยเคล็ดลับให้รู้แล้ว คุณสามารถทำได้หรือเปล่า
Ads by Plus-HD-V1.8c
SOCIAL NETWORK : คนในชนบทนั้นเหงาน้อยกว่าคนในเมืองใหญ่เพราะส่วนมากจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็น อย่างดีภายในสังคมเล็กๆ นั้น แต่ทว่าในโลกยุคอินเทอร์เน็ตอย่างนี้ เราสามารถแก้เหงาได้ด้วยอุปกรณ์สื่อสารสารพัดชนิดที่เปิดประตูให้เราออกไปพบ เพื่อนดีๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ เพื่อนเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยค้ำจุนให้เราข้ามพ้นวิกฤติต่างๆ ในชีวิตได้ นอกเหนือจากสมาชิกในครอบครัว เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งจาก Brigham Young University ระบุว่า
คนที่มีสังคมเพื่อนพ้องดีๆ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้ดีกว่าพวกคนไร้เพื่อนถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
STAY POSITIVE : โลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ ถ้ารู้จักมองโลกในแง่ดีไว้รับรองว่าคุณจะลดเรื่องเครียดๆ ในชีวิตประจำวันไปได้เยอะ และถ้าคุณใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย คิดจะอยู่ในโลกนี้นานที่สุด เพื่อจะได้ทำอะไรมากมายให้สมใจ
อยาก และมองว่าการมีอายุมากขึ้น ทำให้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวนานๆได้มอบความรักความห่วงใย ได้ทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม นี่เป็นตัวอย่างของการมีชีวิตในเชิงบวก ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า เป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยให้คุณมีอายุยืนยาวและสุขภาพจิตดี
GET MOVING : ไม่อยากเป็นไม้ใกล้ฝั่งก่อนวัยอันควร ก็อย่าอยู่เฉยๆเพราะคนที่ทั้งวันเอาแต่นั่งๆ นอนๆ นั้น มักจะอายุสั้นกว่าปกติ อันเป็นผลมาจากความเสี่ยงต่อโรคร้ายสารพัด ทั้งโรคอ้วน โรคหัวใจ และมะเร็ง ซึ่งพร้อมจะพาเหรด
มาคร่าชีวิตคุณในยาม แก่ จากผลการศึกษาชิ้นหนึ่งในปี 2011 ระบุว่า คนเราเมื่ออายุเลยวัยเบญจเพสไปแล้ว ชีวิตจะสั้นลงประมาณ 22 นาที ในทุกๆ ชั่วโมงที่เรานั่งนิ่งๆ อยู่หน้าจอ ได้รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่อยากมีอายุยืนยาว ก็อย่าได้ปล่อยตัวเองให้อยู่เฉยๆ บ่อยนัก
EAT A BALANCED DIET : ผลวิจัยในห้องแล็บบอกให้เรารู้ว่า หนูที่กินอาหารจำกัดแคลอรี่ มีอายุยืนยาวกว่าหนูกินอาหารปกติถึงเท่าตัว แม้ว่าจะนำมาเทียบกับคนไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็บอกให้รู้ว่าคนที่กินแต่พอเพียง มีอายุยืนยาวกว่าคนที่กินเยอะอย่างแน่นอน และจากการศึกษาอาหารที่ผู้คนในถิ่นที่มีคนอายุนับร้อยปีอยู่กันเยอะ อย่างเกาะอินาวา ญี่ปุ่น และเกาะซาร์ดิเนีย อิตาลี พบว่าคนที่นั่นชอบกินอาหารที่ไม่ปรุงแต่งอะไรมากมายเหมือนกับตำรับอาหาร สารพัดในบ้านเรา
SLEEP : ปริมาณเวลานอนอย่างเต็มอิ่มเพื่อการมีชีวิตยืนยาว น่าจะอยู่ราวๆ 7 ชั่วโมง นักวิจัยจาก Scripps Clinic Sleep Center ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้ค้นพบว่า เส้นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนชั่วโมงการนอนกับอัตราการ
เสีย ชีวิตของชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่นั้น มีลักษณะเป็นรูปตัว U และพบว่ากลุ่มคนที่นอนหลับได้นานระหว่าง 6.5-7.5 ชั่วโมงต่อคืนนั้น เป็นกลุ่มที่มีอายุยืนยาวกว่าพวกที่นอนน้อยกว่า 6.5 ชั่วโมง และพวกที่นอนอุตุเกิน 8 ชั่วโมง บางทีข้อมูลนี้อาจจะทำให้คุณนึกถึงนาฬิกาปลุกขึ้นมาทันที แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น คืนนี้ลองสังเกตดูอีกทีว่า คุณนอนได้เต็มอิ่มสักกี่ชั่วโมงต่อคืน และก็อย่านอนดึกก็แล้วกันทำได้แค่นี้ก็คงมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่า ต้องมีชีวิตยืนยาวอยู่บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน
แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/interested/health/page/3/

พริกขี้หนู ลดความอ้วน ได้จริงนะ!

พริกขี้หนู ลดความอ้วน ได้จริงนะ!

สาวๆ ที่อยากหุ่นสวย รูปร่างดี และสุขภาพเริ่ด ทราบไหมคะว่า " ลดความอ้วน" ได้จริงๆ นะ?!?
พริกขี้หนู ลดความอ้วนAds by Plus-HD-V1.8c
หลายคนเลือกสวยทางลัด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคลินิกศัลยกรรม หรือ กินยาลดความอ้วน วิธีเหล่านี้สามารถช่วยให้เกิดผลรวดเร็วก็จริง แต่ผลที่ตามมาทีหลังนั้น ล้วนมีแต่ข้อเสียกับเสียค่ะ
คุณสาวๆ รู้หรือไม่ว่า สมุนไพรไทยใกล้ตัวในครัวนี่แหละ สามารถช่วยลดความอ้วนได้ ไม่เป็นอันตราย หรือส่งผลข้างเคียงในระยะยาวด้วยนะคะ
เผ็ดจริงจริงเลยนะตัวแค่นี้ มันจะร้อนอะไรอย่างงั้น ตัวนิดเดียว...เฉลย สิ่งที่ช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วนได้ก็คือ "พริกขี้หนู" ค่ะ
"พริกขี้หนู" มีลักษณะเป็นไม้ต้น ใบมีลักษณะแบนและเรียบมัน ผลมีขนาดเล็กเรียวยาวประมาณ 2-3 ซ.ม. เมื่อดิบผลมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเผ็ดจัด นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลากหลายชนิด
สรรพคุณ มีมากมาย ใช้ขับลม ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืด บรรเทาอาการไข้หวัดช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ลดการอุดตันหลอดเลือด ลดโคเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอดและช่องปาก บรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยเสริมสร้างอารมณ์สดชื่น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญร่างกาย
ผลดองสุราใช้ทาแก้ฟกช้ำดำเขียว 
ต้นมีรสเผ็ด ใช้ขับลม แก้กษัย 
รากใช้ฝนกับมะนาวแทรกเกลือ เป็นยากวาดคอ 
ใบใช้แก้หวัด ตำใบสดผสมกับดินสอพองพอกขมับแก้ปวดศีรษะได้
พริกขี้หนู ลดความอ้วนAds by Plus-HD-V1.8c
และอีกหนึ่งสรรพคุณที่สาวๆ ห้ามพลาดนั่นก็คือ "พริกขี้หนู ลดความอ้วนได้ค่ะ
ความเผ็ดร้อนของพริกสามารถช่วยลดไขมัน ป้องกันลิ่มเลือดจับตัว ช่วยคุมน้ำหนัก ทำหน้าที่เผาผลาญพลังงานให้ด้วย เมื่อสารอาหารถูกเผาผลาญได้เร็วขึ้นน้ำหนักก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
จากการศึกษาในคนพบว่า อาหารรสเผ็ดที่มี Capsaicin อาจช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทานได้ประมาณ 200 กิโลแคลอรี่
หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม พริกยังช่วยให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อน แต่กลับไหลเวียนสะดวกดี จะช่วยเรียกน้ำย่อย ทำให้กระเพาะหลั่งกรด ออกมาย่อยมากขึ้น แต่ถ้ามากเกินไป กระเพาะก็หลั่งกรด ออกมาเกินความต้องการ กรดจะไปทำลายผนังกระเพาะได้ ยิ่งถ้าใครมีแผลในกระเพาะ หรือลำไส้อยู่แล้ว อาการจะยิ่งกำเริบ
ข้อควรระวัง
การรับประทานพริกมากเกินไป อาจจะทำไห้ท้องเสียได้ และการกินเผ็ดจัดๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อกระเพาะด้วยนะคะ
สาวๆ ที่อยาก "ลดความอ้วน" ลองนำวิธีง่ายๆ นี้ไปใช้ดู ลองใช้ "พริกขี้หนู" มาปรุง ทำเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก ต้มยำ หรืออีกหลายๆ เมนู พร้อมทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพียงเท่านี้ คุณก็จะ ควบคุมน้ำหนัก กลายเป็นสาวรูปร่างเป๊ะได้แล้วค่ะ ^^
แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/interested/health/page/2/

เทคนิคกินอาหารจานเดียว ให้สุขภาพดี

เทคนิคกินอาหารจานเดียว ให้สุขภาพดี

อาหารจานเดียวหรือที่เรามักเรียกว่า อาหารจานด่วน ถือเป็นอาหารยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ อาจเพราะมีจำหน่ายอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย ราคาย่อมเยา และสะดวก รวดเร็ว เหมาะกับวิถีชีวิตของคนเมืองในปัจจุบัน แต่อาหารจานด่วนประเภทนี้ก็ยากต่อการควบคุมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีสารอาหารหลากหลายและหากเลือกทานไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์
วิธีการเลือกรับประทานอาหารจานเดียวอย่างถูกวิธี ควรเริ่มจากความเข้าใจเรื่องสัดส่วนคุณค่าทางโภชนาการของอาหารหนึ่งจาน โดยคนเราต้องการสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50 ไขมันร้อยละ 30 และโปรตีนร้อยละ 20 ซึ่งพลังงานที่เราจะได้รับจากอาหารแต่ละประเภท ก็มีปริมาณแตกต่างกัน คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี
การบริโภคอาหารชนิดเดียวกัน อาจให้พลังงานต่างกันขึ้นอยู่กับว่าอาหารแต่ละจานเน้นส่วนประกอบใดและมีวิธีปรุงอย่างไร รวมทั้งเลือกรับประทานอาหาร ในปริมาณมากน้อยแค่ไหน และยิ่งหากมีการปรุงรสมากก็ยิ่งจะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากเลือกรับประทานอาหารจานเดียวอย่างเหมาะสม นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และสะดวกในการบริโภค อีกด้วย
สำหรับการเลือกทานอาหารจานเดียวอย่างถูกวิธีควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย โดยอาจเน้นอาหารประเภทปลา เช่น ปลาทู เป็นพิเศษ เพราะอาหารประเภทนี้มีโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยปกป้องสมองเสื่อม และ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อาหารที่ใส่กะทิ หรือปรุงโดยวิธีการผัด หรือทอด ควรรับประทานในปริมาณจำกัด เพราะมีปริมาณไขมันสูงมาก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ชุบแป้งทอด ปาท่องโก๋ โดนัท เป็นต้น
อาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อสำคัญ นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายไม่หิวมากในช่วงบ่ายแล้ว ยังควบคุมปริมาณอาหารในมื้อเย็น ให้น้อยลงได้ เลือกประเภทของอาหารที่ให้พลังงานเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และทำการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการและพลังงานของอาหารแต่ละประเภทให้ดี เพื่อป้องกันการสะสมสารอาหารส่วนเกินของอาหารหวานจัด หรืออาหารประเภทแป้ง หากทาน มากเกินไป จะมีผลทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ควรทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสับ กระดูกหมู หนังหมู เป็นต้น
อาหารมื้อเย็น ควรทานให้ห่างจากเวลานอนไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เช่น หากเข้านอนเวลาสามทุ่ม ควรทานอาหารเย็นไม่เกินหกโมงเย็น เพื่อป้องกันการสะสมไขมันในช่องท้อง เนื่องจากขณะหลับร่างกายกำลังพักผ่อน จึงไม่เกิด การย่อยอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าลืมว่า เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลจะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น และเครื่องดื่มบางชนิด เช่น กาแฟ (ที่ใส่นม ครีม และมีรสชาติหวานจัด) ก็ให้พลังงานเทียบเท่ากับอาหารหนึ่งจานเลยทีเดียว หากคุณสามารถทำได้ดังนี้ เชื่อว่าสุขภาพดีจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ที่สำคัญอย่าลืมแนะนำวิธีการเลือกบริโภคอาหารจานเดียวให้กับคนรอบข้างที่คุณรักด้วย
แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/interested/health/page/2/